อาจารย์ปรางค์สุวรรณ ศักดิ์โสภณกุล
4. มนสิชา แสงอุทัย ม.6.2 เลขที่ 21
อาจารย์ปรางค์สุวรรณ ศักดิ์โสภณกุล
นอกจากนี้ ความรู้ในการใช้เข็มทิศและการพัฒนารูปทรงและขนาดเรือให้มีความเหมาะสมและมีความคงทนแน่นหนาขึ้น พร้อมติดตั้งอาวุธปืนใหญ่ ทำให้ชาติตะวันออกต่างๆต้องยินยอมเปิดสัมพันธไมตรีด้วย และมีผลให้อิทธิพลของชาติตะวันตกหลั่งไหลสู่โลกตะวันออกได้อย่างกว้างขวาง
นอกจากเครื่องเทศที่เป็นสินค้าหลักที่พ่อค้าตะวันตกต้องการเพื่อใช้เก็บถนอมอาหาร โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ให้มีอายุยืนนาน และใช้ในการปรุงอาหารให้มีรสชาติดีขึ้นแล้ว ชาติตะวัตกยังมุ่งแสวงหาแหล่งแร้เงินและแร่ทองคำซึ่งเชื่อว่ามีอยู่มากมายทางซีกโลกใต้ เพื่อนำไปใช้ซื้อสิ่งของต่างๆจากประเทศทางตะวันออก และใช้จ่ายเป็นค่าจ้างทหารและเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 14 นักปราชญ์ชาวกรีกจากกรุงคอนสแตนติโนเปิลเริ่มอพยพจากการรุกรานของพวกมุสลิมมายังแหลมอิตาลี และสมัครเป็นอาจารย์สอนภาษากรีกในราชสำนักและโรงเรียนต่างๆ ทำให้พวกมนุษยนิยมชาวอิตาลีมีความรู้ในภาษาและวัฒนธรรมของกรีก สามารถนำวรรณคดีและปรัชญาของกรีกมาแปลเป็นภาษาละตินเผยแพร่ในยุโรปตะวันตกมากขึ้น
ในค.ศ.1454 โยฮันเนส กูเตนเบิร์ก (Johannes Gutenburg ค.ศ.1400-1468) สามารถผลิตเครื่องพิมพ์ที่ใช้วิธีการเรียงตัวอักษรได้สำเร็จ ทำให้หนังสือมีราคาถูกลง และเผยแพร่ไปยังดินแดนต่างๆได้กว้างขวาง ทำให้ความนึกคิดและความสนใจของประชากรในดินแดนต่างๆมีความเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น
นักมนุษยนิยมส่วนมากจะศรัทธาในคริสต์ศาสนา แต่ความมีศรัทธามิได้ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของปัจเจกบุคคล นักมนุษยนิยมมีความคิดที่ว่าคริสต์ศาสนิกชนควรจะแยกตัวจากการครอบงำทางความคิดของศาสนจักร เพื่อแสวงหาสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตอย่างเป็นประโยชน์ ซึ่งความคิดนี้เป็นรากฐานการกบฏของคริสต์ศาสนิกชนต่อสถาบันสันตะปาปาที่กำลังเสื่อมโทรม ที่นำไปสู่การต่อต้านวิธีปฏิบัติต่างๆของศาสนจักรที่ขัดต่อข้อกำหนดในพระคัมภีร์ไบเบิล ทำให้เกิดการปฏิรูปทางศาสนาใน ค.ศ. 1517
ราฟาเอล มีผลงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความประณีตนิ่มนวล ภาพที่มีชื่อเสียง ได้แก่ ภาพพระแม่ พระบุตร และจอห์น แบบติสต์ (Madonna and Child with St.John) แสดงความรักของแม่ที่มีต่อบุตร เป็นภาพเหมือนจริงที่มีชีวิตจิตใจ ดูเป็นปุถุชนธรรมดา ภาพเขียนของเขานับเป็นตัวอย่างที่ดีที่เน้นให้เห็นบทบาทและความสำคัญของปัจเจกบุคคล พระกุมารในภาพแสดงถึงความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของเด็กที่ถูกเพิกเฉยในสมัยกลาง และเป็นจุดเริ่มต้นให้ผู้ใหญ่หันมาให้ความรักและความสนใจเด็กมากขึ้น
งานประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองในยุคนี้ที่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งของความคิดในกรอบและกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดของคริสต์ศาสนา ได้แก่ บทร้อยกรองซอนเนต(Sonnet) ของเทปราก ดิแคเมอรอน (Decameron) ของโจวันนี บอกกัชโช (Giovanni Boccaccio ค.ศ. 1313-1375) ซึ่งเป็นนิยายชวนหัวที่แสดงถึงบุคลิกลักษณะของมนุษย์และความสัมพันธ์ทางเพศ เป็นต้น
งานวรรณกรรมด้านนาฏกรรมหรือบทละคร ก็มีการรับอิทธิพลของบทละครกรีก โดยนำมาปรับให้เข้ากับรสนิยมของชาวตะวันตกในสมัยนั้น นักประพันธ์ที่สำคัญ ได้แก่ วิลเลียม เชกสเปียร์ (William Shakespeare ค.ศ. 1564-1616) บทละครที่มีชื่อเสียงของเขา คือ โรมีโอและจูเลียต (Romeo and Juliet) เวนิสวาณิช (The Merchant of Venice) เป็นต้น บทละครเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงอารมณ์ อุปนิสัยและการตัดสินใจมนุษย์ในภาวการณ์ต่างๆ
แนวคิดทางการเมืองของล็อกอาจสรุปได้ว่าประชาชนเป็นที่มาของอำนาจทางการเมืองและมีอำนาจในการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นได้ รัฐและรัฐบาลจึงมีหน้าที่ปกครองโดยคำนึงถึงประโยชน์และสิทธิธรรมชาติของประชาชนอันได้แก่ ชีวิต เสรีภาพ และทรัพย์สิน รัฐบาลมีอำนาจภายในขอบเขตที่ประชาชนมอบให้ และจะใช้เฉพาะเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน เท่านั้น รัฐต้องไม่เข้าแทรกแซงในกิจการของปัจเจกชน นอกจากในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เพื่อรักษาเสรีภาพและทรัพย์สินของผู้นั้น แนวคิดทางการเมืองดังกล่าวจึงเป็นรากฐานความคิดของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่และมีอิทธิพลต่อปัญญาชนและปรัชญาเมธีของยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มนักคิดฟิโลซอฟ (philosophes) ของฝรั่งเศส
3. บารอน เดอ มองเตสกิเออร์ (Baron de Montesquieu ค.ศ. 1689-1755) หรือ ชาร์ลส์ หลุยส์ เดอ เซ็กกองดาต์ (Charies Louis de Secondat) ขุนนางฝรั่งเศส เป็นผู้เขียนหนังสือ เรื่อง วิญญาณแห่งกฎหมาย (The Spirit of Laws) ซึ่งใช้เวลาศึกษาค้นคว้ากว่า 20 ปี หนังสือเล่มนี้พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกใน ค.ศ. 1748 และต่อมาได้รับการตีพิมพ์อีก 22 ครั้ง และแปลเป็นภาษาตะวันตกต่างๆ เกือบทุกภาษาแนวคิดหลักของหนังสือเรื่อง วิญญาณแห่งกฎหมายสรุปได้ว่ากฎหมายที่รัฐบาลแต่ละสังคมบัญญัติขึ้นต้องสอดคล้องกับลักษณะภูมิประเทศและเงื่อนไขทางนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของแต่ละสังคม แต่การปกครองแบบกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด นอกจากนี้อำนาจการปกครองควรแยกออกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการ การแบ่งอำนาจดังกล่าวเป็นเสมือนการสร้างระบบตรวจสอบและถ่วงอำนาจ (check and balance system) จะช่วยไม่ให้ผู้ปกครองหรือคณะผู้ปกครองหรือรัฐบาลใช้อำนาจแบบเผด็จการได้
แนวคิดในทางการเมืองของมองเตสกิเออร์ ในหนังสือเล่มนี้ มีอิทธิพลต่อสังคมตะวันตก รัฐธรรมนูญการปกครองประเทศของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นแม่แบบของระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ใช้แนวคิดเรื่องการแบ่งแยกอำนาจ และระบบคานอำนาจของมองเตสกิเออร์เป็นหลัก
4. วอลแตร์ (Voltaire ค.ศ. 1694-1778) มีชื่อจริงว่า ฟรองซัว-มารี อารูเอ (Francois – Marie Arouet) เป็นนักคิดและนักเขียน ที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส วอลแตร์ประทับใจในระบอบการปกครองของอังกฤษมาก และตั้งใจจะใช้งานเขียน คัดค้านการปกครองแบบเผด็จการ และต่อต้านความงมงายไร้เหตุผล ตลอดจนเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นทางด้านต่างๆ
ความคิดดังกล่าวของวอลแตร์ สะท้อนออกในหนังสือเรื่องจดหมายปรัชญา (The Philo – sophical Letters) หรือที่รู้จักในอีกชื่อว่า จดหมายเรื่องเมืองอังกฤษ (Letter on the English) เนื้อหาของหนังสือโจมตีสถาบันและกฎระเบียบต่างๆ ที่หล้าหลังของฝรั่งเศส นอกจากนี้วอลแตร์ยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูปประเทศฝรั่งเศสให้ทันสมัยเหมือนอังกฤษ
อย่างไรก็ดี แม้วอลแตร์จะต่อต้านความอยุติธรรมในสังคมและความไร้ขันติธรรมทางศาสนาตลอดจนระบบอภิสิทธิ์ต่าง ๆ แต่ในด้านการเมืองเขาก็ไม่เคยแสดงความคิดเห็นอย่างชัดเจนต่อรูปแบบการปกครองที่เขาพึงพอใจ หรือต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงสังคมและการเมืองอย่างถอนรากถอนโคนด้วยการปฏิวัติอันรุนแรง เขาคิดว่าการใช้เหตุผลและสติปัญญาสามารถจะแก้ไขปัญหาสังคมและการเมือง
1. สถาปัตยกรรม มีการนำรูปแบบสถาปัตยกรรมในอดีตมาดัดแปลงตามจินตนาการ เพื่อให้เกิดผลทางด้านอารมณ์ ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากสถาปัตกรรมแบบกอทิก
2. ประติมากรรม ประติมากรรมจินตนิยมเน้นการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก และแนวความคิดประติมากรจินตนิยมที่มีชื่อเสียงของฝรั่งเศส ได้แก่ ฟรองซัว รูเด(Francois Rude ค.ศ.1784-1855) ผู้ปั้นประติมากรรมนูนสูงมาร์ซายแยส(Marseillaise) ประดับฐานอนุสาวรีย์ประตูชัย(Arch of Triumph)ในกรุงปารีส
3. จิตรกรรม มีการจัดองค์ประกอบด้วยสี เส้น แสงเงา และปริมาตรค่อนข้างรุนแรง มุ่งให้เกิดความสะเทือนอารมณ์ คล้อยตามไปกับจินตนาการที่เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน แปลกประหลาดตื่นเต้นเร้าใจ ความรุนแรง และความน่าหวาดเสียวสยดสยอง จิตรกรคนสำคัญของฝรั่งเศส ได้แก่ เออชอน เดอลา-กรัวซ์(Eugene Delacroix ค.ศ.1798-1863) ผู้เขียนภาพอิสรภาพนำประชาชน(Liberty leading the people) เขียนจากเหตุการณ์นองเลือดเมื่อประชาชนลุกฮือขึ้นโค่นบัลลังก์ราชวงศ์บูร์บง ที่เกิดเมื่อ ค.ศ.1830
4. ดนตรี ดนตรีแนวจินตนิยมไม่ได้แต่งเพื่อฟังเพลิดเพลินอย่างเดียว แต่มีจุดมุ่งหมายที่จะเร้าความรู้สึกทางจิตใจด้วย เช่น ความรู้สึกชาตินิยม โน้มน้าวจิตใจผู้ฟังให้คล้อยตาม นักแต่งเพลงจินตนิยมที่มีชื่อเสียงได้แก่ ลุดวิก ฟาน เบโทเฟน(Ludwig van Beethoven ค.ศ.1770-1827) ฟรานซ์ ชูเบิร์ต(Franz Schubert ค.ศ.1797-1828) เป็นต้น
5. การละคร นิยมแสดงเรื่องที่ตัวเอกประสบปัญหาอุปสรรค หรือมีข้อขัดแย้งในชีวิตอย่างสาหัส ซึ่งจะดึงอารมณ์ของผู้ชมให้เอาใจช่วยตัวเอก การเขียนบทไม่เคร่งครัดในระเบียบแบบแผนอย่างละครคลาสสิก ละครแนวจินตนิยมกำเนิดในเยอรมนี บทละครที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ เรื่องเฟาสต์(Faust)ของโยฮันน์ วอล์ฟกัง ฟอน เกอเทอ(Johanne Wolfgang von Goethe ค.ศ.1749-1832)
6. วรรณกรรม เน้นจินตนาการ และอารมณ์ และถือว่าควมต้องการของผู้ประพันธ์สำคัญกว่าความต้องการของคนในสังคม บทร้อยกรองประเภทคีตกานต์(lyric) ซึ่งเป็นโคลงสั้นๆแสดงอารมณ์ของกวีได้รับความนิยมสูงสุดในสมัยนี้ กวีคนสำคัญของอังกฤษ คือ วิลเลียม เวิดส์เวิร์ท(William wordsworth ค.ศ.1770-1850) และ แซมวล เทย์เลอร์ โคลริดจ์(Samuel Taylor Colridge ค.ศ.1772-1834) กวีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส คือ วิกเตอร์-มารี อูโก(Victor Marie Hugo ค.ศ.1802-1885) นอกจาแต่งโคลงแล้ว ยังแต่งบทละครและนวนิยาย นวนิยายที่มีชื่เสียงมาก คือ เหยื่ออธรรม (Les Miserables)