วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

3.3การปฏิรูปของศาสนจักร

3.3การปฏิรูปของศาสนจักร

เมื่อเกิดการปฏิรูปศาสนา คริสตจักรที่กรุงโรมได้พยายามต่อต้านปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยวิธีต่างๆ ได้แก่

ศาสนจักรจัดการประชุมสังคายนาพระศาสนาที่เมืองเทรนต์ (The Council of Trent) ใช้เวลา 18 ปีมีบทสรุปดังนี้
- สันตะปาปาทรงเป็นประมุขของคริสต์ศาสนา

- การประกาศหลักธรรมทางศาสนาต้องให้ศาสนจักรเป็นผู้ประกาศแก่ศาสนิกชน

- คัมภีร์ไบเบิลต้องเป็นภาษาละติน

- ยกเลิกการขายใบยกโทษบาปและตำแหน่งทางศาสนา มีการกำหนดระเบียบวินัยมาตรฐานการศึกษาของพระและให้ใช้ภาษาพื้นเมืองในการสอนศาสนา

ศาสนจักรได้ตั้งศาลศาสนาเพื่อลงโทษพวกนอกศาสนา โดยพิจารณาความผิดของพวกนอกศาสนาคาทอลิก และชาวคาทอลิกที่มีความเห็นแตกต่างจากศาสนจักร ซึ่งมีการลงโทษโดยเผาคนผิดทั้งเป็น
การต่อต้านการปฏิรูปศาสนาของคริสตจักรกระทำได้ผล คือ นิกายโรมันคาทอลิกสามารถป้องกันไม่ให้ศาสนิกชนโรมันคาทอลิกหันไปนับถือนิกายโปรเตสแตนต์เพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่สามารถดึงศาสนิกชนโปรเตสแตนต์ให้กลับมานับถือนิกายโรมันคาทอลิกได้

3.4 ผลของการปฏิรูปศาสนา

การปฏิรูปก่อให้เกิดผลกระทบ ได้แก่

- คริสตจักรตะวันตกแตกแยกเป็น 2 นิกาย คือ นิกายโรมันคาทอลิด มีสันตะปาปาเป็นประมุข กับนิกายโปรเตสแตนต์

- เกิดกระแสชาตินิยมในประเทศต่างๆ ทั้งในประเทศที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิกและที่นับถือนิกายโปรเตสแตนต์ ความเป็นเอกภาพทางศาสนาของยุโรปสิ้นสุดลง

- เกิดการแข่งขันระหว่างนิกายต่างๆ มีการปรับปรุงสิ่งบกพร่องเพื่อเรียกศรัทธาและก่อให้เกิดขันติธรรมในการอยู่ร่วมกับผู้นับถือนิกายต่างกัน

- สภาพสังคมเปลี่ยนไป นิกายโปรเตสแตนต์ได้สนับสนุนการประกอบอาชีพด้านการค้าและอุตสาหกรรม ระบบทุนนิยมในยุโรปจึงเจริญเติบโต

- ระบบรัฐชาติแข็งแกร่งขึ้น การเกิดนิกายโปรเตสแตนต์ส่งเสริมวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น

- ผลของการแตแยกทางศาสนา ทำให้เกิดสงครามศาสนาขึ้นหลายครั้ง การเกิดสงครามทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์มีอำนาจเหนือคริสตจักร เพราะสันตะปาปาต้องอาศัยอำนาจกษัตริย์ที่นับถือคาทอลิกทำการต่อต้านกษัตริย์ที่นับถือโปรเตสแตนต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น